การเจริญเติบโตของธุรกิจออนไลน์สามารถพลิกฟื้นธุรกิจได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนผู้ประกอบการหลายท่านต่างก็สั่งผลิตทั้งสินค้าและ ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ เพิ่มขึ้นเพื่อมารองรับความต้องการกันอย่างมากมาย

แม้จะตกอยู่ในภาวะไวรัสระบาดแต่จากผลลัพธ์ของภาคธุรกิจออนไลน์ที่ผู้คนใช้วิถีชีวิตแบบ New normal ทำให้ตลาดออนไลน์มีการเจริญเติบโตที่พุ่งขึ้นสูงมากถึง 35% หรือเป็นมูลค่าจาก 163,300 ล้านบาท เพิ่มเป็น 220,000 ล้านบาท ในปลายปี 2563 เห็นแบบนี้แล้วหลายคนอยากจะเริ่มลุยลงทุนกันแบบเร่งด่วนเลยทีเดียว

แต่ก่อนจะผลีผลามรีบลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของการ ผลิตแพคเกจจิ้ง สำหรับสินค้า เราควรมาศึกษากันก่อนว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เราควรใส่ใจและพิจารณาก่อนที่จะเริ่มลงทุน

1.เลือก ผลิตแพคเกจจิ้ง ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายลูกค้า

ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป หรือเป็นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มีความชอบที่แตกต่างกัน การเลือกผลิตกล่องหรือแพกเกจจิ้งให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของเราถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างแบรนด์ดิ้ง และสร้าง Brand awareness ให้กับแบรนด์และสินค้าได้เป็นอย่างดี เคยเห็นไหมว่าสินค้าบางชนิดถูกบรรจุอยู่ในแพกเกจที่สวยแปลกตา

จนทำให้ผู้บริโภคต่างหลงใหลและถ่ายรูปลงโซเชียล ดังนั้นผู้ประกอบการควรเริ่มต้นศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจของตนเองให้ละเอียดที่สุด โดยอาจจะลองตั้ง Persona เพื่อทำการค้นหาช่วงวัย ความชอบ และพฤติกรรมการช้อปปิ้ง แค่นี้ก็เป็นการปูทางก่อนที่จะเริ่มลุยในการมองหาแพกเกจจิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

2.พิจารณาวิธีการจัดส่งสินค้า

บอกได้เลยว่าหลายคนมักมีปัญหาในการจัดส่งสินค้าผ่านขนส่งต่างๆ เพราะด้วยประเภทของสินค้า ความปลอดภัยและความเรียบร้อยในตัวสินค้า ที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในตัวสินค้าและการบริการนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

การส่งสินค้าที่ดีมีคุณภาพทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอันดีว่าร้านค้านั้นใส่ใจและคงคุณภาพของสินค้าไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แต่หากคราใดที่ลูกค้าได้รับสินค้าในสภาพที่บุบบี้ หรือเสียหาย บอกได้เลยว่าลูกค้าหลายรายไม่ได้เพียงแค่บ่นเท่านั้น

บางท่านอาจจะนำไปโพสต์รีวิวลงในแพลตฟอร์ม E-commerce ซึ่งอาจจะทำให้คะแนนร้านค้าในแพลตฟอร์มนั้นๆ ลดต่ำลงอย่างน่าใจหาย ส่วนลูกค้าบางรายอาจจะนำไปโพสต์บ่นผ่านทางโซเชียล กลายเป็นไวรัลในทางลบไปเลยก็ได้

ดังนั้นก่อนที่สั่ง ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ ผู้ประกอบการจึงควรจะรับรู้ถึงข้อมูลในเชิงลึกส่วนนี้เสียก่อน โดยอาจจะใช้แนวทางดังต่อไปนี้มาคัดเลือกแพกเกจจิ้งที่เหมาะสม

– เลือกวัสดุที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหากสินค้าของคุณเป็นสินค้าที่แตกหักง่าย หรือมีความบอบบาง ควรเลือกเกรดของบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้ก่อนบรรจุสินค้าลงไป ควรห่อด้วยกระดาษหรือกันกระแทกไว้เพื่อป้องกันความเสียหายและรอยขีดข่วนเสียก่อน

– ควรเว้นพื้นที่ไว้บนแพกเกจจิ้ง หากสั่ง ผลิตแพคเกจจิ้ง เองอย่าลืมเว้นที่สำหรับใส่รายละเอียดการจัดส่งของลูกค้า

– ขนาดและน้ำหนักของแพกเกจจิ้ง ตรงนี้สำคัญมากเพราะขนส่งหรือบริษัท Logistics ในแต่ละที่นั้นมีเกณฑ์ในการคิดค่าขนส่งแตกต่างกัน บางแห่งอาจจะพิจารณาจากความกว้างความยาวของแพกเกจ ในขณะที่บางแห่งอาจจะพิจารณาจากน้ำหนักเป็นหลัก

3.เลือก ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ ให้ถูกประเภท

หลายท่านคงมีคำถามอยู่ในใจว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าสินค้าของเราควรใช้แพกเกจจิ้งหรือบรรจุภัณฑ์แบบไหนถึงจะเหมาะที่สุด คำตอบที่ดีที่สุดคือ ควรทำความเข้าใจลักษณะและธรรมชาติของสินค้าเป็นหลัก โดยควรเช็คดูว่าเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงในการแตกหักหรือพังได้ง่ายมากขนาดไหน

รวมถึงหากเป็นสินค้าที่ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษอย่างเช่น สินค้าที่เสี่ยงต่อการละลายหรือเสียง่าย วัสดุห่อหุ้มอาจจะต้องทนต่อความร้อนและรักษาอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่คุณควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกันดังนี้

-ความจุของแพกเกจจิ้ง เรื่องความจุถือเป็นการสร้างประสิทธิภาพของพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าของคุณเพื่อส่งต่อให้แก่ลูกค้า โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกแพกเกจจิ้งที่จัดเก็บสินค้าได้คุ้มค่า และยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บยังคลังสินค้าของคุณอีกด้วย

ซึ่งหากเลือกได้แนะนำให้ใช้กล่องที่สามารถพับให้แบนได้ ซึ่งจะทำให้คุณจัดเก็บได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้กล่องลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะจัดส่งได้ง่ายกว่า

แถมประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

–การป้องกันผลิตภัณฑ์ ความแข็งแรงทนทานของกล่องในแต่ละเกรดนั้นไม่เท่ากัน กล่องบางประเภทถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มีความทนทานและเหมาะกับการขนส่งที่มีความเสี่ยง

ซึ่งกล่องประเภทนี้มักจะเป็นกล่องลูกฟูกซะส่วนใหญ่ นอกจากนี้กล่องประเภทอื่น ๆ ที่มีขนาดกะทัดรัด และประหยัดพื้นที่ก็เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา หรือเลือกใช้กล่องที่มีการบุฉนวนกันความร้อนสำหรับสินค้าอาหารที่ต้องการได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

ด้วยปัจจัยอันหลากหลายในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ ผู้ประกอบการหลายท่านมักจะไม่มั่นใจว่าควรเลือกวัสดุหรือพิมพ์แพกเกจจิ้งประเภทไหนถึงจะเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด Infinity Printing ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงทำให้เรานำประสบการณ์ที่มีอยู่ในธุรกิจการพิมพ์กล่องและบรรจุภัณฑ์มากกว่า 20 ปี มาให้คำปรึกษาแนะนำตั้งแต่เรื่องพื้นฐานไปจนถึงเรื่องที่ซับซ้อน เพื่อส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและเหมาะกับสินค้าของคุณได้ตามต้องการ

Reference:

https://packmojo.com/blog/4–things–to–consider–before–you–order–packaging.html

https://creativetalklive.com/thailand–e–commerce–statistics–2020/

เช็คราคาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย

ให้คำปรึกษาฟรี

"ที่สำคัญแอดมินใจดี ไม่เหวี่ยงแน่นอนคะ"

• สอบถามราคาซองฟอยล์ : bit.ly/infinitypacking
• INSTAGRAM : infinityprinting_official
• Fanpage : bit.ly/page-infinity
• INBOX : bit.ly/msg-infinity
• เช็คราคางานพิมพ์ : 097-465-9889 K.กวาง    
• ผู้จัดการโรงพิมพ์ : 095-165-9889 K.สุทธิดา
• ฝ่ายบัญชี บริษัท : 02-9982553

FAQ คำถามที่พบบ่อย

เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคก็กลายเป็นตัวกำหนดทิศทางของธุรกิจด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นว่าผู้ประกอบการหลายคนเริ่มมองหาโรงงาน ผลิตกล่องกระดาษ ที่มีทั้งดีไซน์สวยๆ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เพราะเทรนด์ในยุคใหม่นั้นต้องบอกเลยว่าเปลี่ยนแปลงไปตามวิกฤตการณ์โลกร้อน ไวรัสระบาด ฝุ่น PM2.5 รวมถึงการรีไซเคิลเพื่อลดขยะต่างๆ  ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ประกอบการที่กำลังมองหากลยุทธ์แนวใหม่

การประยุกต์ใช้เทรนด์รักโลกด้วยแพกเกจจิ้งที่ทำจากกล่องกระดาษก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

จากข้อมูลวิจัยจากของ Environment + Energy Leader ได้เข้ามาสนับสนุนแนวคิดทางธุรกิจที่ใช้เทรนด์รักโลก ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่าราวๆ 74% ของผู้บริโภคนั้นยอมจ่ายเงินมากขึ้น

สำหรับการซื้อสินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์หรือแพกเกจจิ้งที่ปลอดภัย และสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ซึ่งจากการที่ผู้บริโภคคำนึงถึงการเลือกใช้แพกเกจจิ้งหรือบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มากขึ้น

จนทำให้หลายแบรนด์หันไปสั่ง ผลิตกล่องกระดาษ กันเป็นทิวแถว ก็เพราะว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเริ่มตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยผู้บริโภคมากกว่า 2 ใน 3 ระบุว่าบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิลได้ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ผู้บริโภคยังยอมจ่ายแพงกว่าสำหรับแบรนด์ที่นำเสนอสินค้าและใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

โดยมีข้อมูลว่าผู้บริโภคราวๆ 1 ใน 4 ยินดีที่จะจ่ายแพงมากขึ้นถึง 10% หรือมากกว่านั้นอีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถึงแม้ต้นทุนในการผลิตแพกเกจจิ้งจากกล่องกระดาษอาจจะมีต้นทุนที่สูงกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่ม Value ให้กับแบรนด์สินค้าของคุณได้มากมายอย่างเช่นกัน

เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกแพคเกจจิ้งที่ผู้ประกอบการต้องรู้

เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน หากผู้ประกอบการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือเลือก ผลิตกล่องกระดาษ ที่ดูน่าใช้งานแข็งแรงทนทาน และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

รวมถึงอาจจะมองหาตัวเลือกในการใช้วัสดุที่ย่อยสลาย หรือรีไซเคิลได้มาใช้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยลดขยะและปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น

แต่ด้วยแนวคิดนี้ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญจะสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้กับแบรนด์สินค้าหรือธุรกิจของคุณในสายตาของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น

ทำกล่องกระดาษ สร้างความแตกต่างด้วยการ Customization

นอกจากจะใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว การปรับแต่งบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับลูกค้านั้นก็สามารถเพิ่มมูลค่าได้ไม่น้อยเลยเช่นกัน

โดยจากการศึกษาวิจัยของ Researchscape International และ Evergage, Inc. พบว่านักการตลาด 98% ยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เป็น Personalization หรือการปรับรูปแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า จะช่วยเชื่อมโยงและพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยใน 70% พบว่าการปรับเปลี่ยนแบบนี้ถือเป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

ช่วยสร้าง Brand Royalty และสร้าง ROI ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นหากสินค้ามีมูลค่าการซื้อสูง หรือเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกค้าคนพิเศษ การใช้แพคเกจจิ้งในแบบเฉพาะคน ก็สามารถทำให้ยอดขายของคุณเติบโตได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว ถ้านึกไม่ออก

ลองนึกถึงกล่องปากกา หรือกล่องของขวัญอันล้ำค่าที่มีชื่อคุณสลักอยู่เพียงคนเดียวดูก็ได้ว่ามันพิเศษสุดขนาดไหน

บรรจุภัณฑ์ที่รวมความทันสมัยแถมใส่ใจในสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์คาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสินค้าของคุณเน้นความทันสมัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่แปลกใหม่ หลายแบรนด์ทำถึงขนาดที่ว่าสามารถให้ลูกค้าเลือกเปลี่ยนกล่องบรรจุภัณฑ์

รวมถึงกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ เองได้ในขณะที่ทำการซื้อผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น เช่น ในกลุ่มลูกค้าที่รักสิ่งแวดล้อมสามารถเลือกใช้กระดาษห่อและวัสดุรีไซเคิลแทนบรรจุภัณฑ์แบบพลาสติกได้ 

นอกจากนี้บางแบรนด์อาจจะผสมผสานเทคโนโลยีออนไลน์ด้วยการสแกนรหัส QR Code โดยพิมพ์ไว้บนแพกเกจจิ้ง ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่ทันสมัยและช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน

หลีกเลี่ยงบรรจุภัณฑ์ที่ดูอันตราย (แม้ว่าจะไม่อันตรายก็ตาม) ผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคเกือบ 50% มักจะหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าจากบรรจุภัณฑ์ที่เป็นอันตราย ซึ่งบางทีผู้ประกอบการอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้ เนื่องจากการตีความนั้นมักจะเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้บริโภคเป็นหลัก จนบางครังก็ยากที่จะคาดเดา แต่จากการศึกษาพบว่า 68% ของผู้บริโภคมักจะเชื่อมโยงพลาสติกกับมลพิษในมหาสมุทร

ซึ่งจากความรู้สึกนี้ทำให้ผู้บริโภคเกือบ 60 % บอกว่าหากเห็นบรรจุภัณฑ์หรือแพกเกจจิ้งในลักษณะนี้ พวกเขาก็จะหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้านั้นๆ ด้วยเช่นกัน ในมุมมองของผู้บริโภคราวๆ 80% ที่มักเชื่อมโยงพลาสติกว่าเป็นอันตรายนั้น พวกเขามักจะคิดว่าพลาสติกนั้นอาจจะเป็นอันตรายยิ่งกว่าโลหะเสียด้วยซ้ำ

จากเทรนด์รักโลกรักสิ่งแวดล้อมที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้เห็นว่าการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์หรือแพกเกจจิ้งให้ถูกกับความต้องการของผู้บริโภคก็สามารถสร้างคุณค่า และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์สินค้าของคุณได้ ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ประกอบการที่กำลังต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและแบรนด์ของคุณอยู่ อย่าลืมนึกถึง Infinity Printing ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์และแพกเกจจิ้งที่เน้นงานคุณภาพสูง โดยเราการันตีด้วยประสบการณ์และฝีมือในอุตสาหกรรมการพิมพ์แพกเกจจิ้งมายาวนานกว่า 20 ปี มั่นใจได้ว่างานทุกชิ้นถูกผลิตออกมาด้วยคุณภาพสูงสุด

Reference:

https://www.swiftpak.co.uk/insights/5–top–packaging–trends–for–2021

https://bit.ly/2YPkSif

https://bit.ly/2YPkSif

เช็คราคาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย

ให้คำปรึกษาฟรี

"ที่สำคัญแอดมินใจดี ไม่เหวี่ยงแน่นอนคะ"

• สอบถามราคาซองฟอยล์ : bit.ly/infinitypacking
• INSTAGRAM : infinityprinting_official
• Fanpage : bit.ly/page-infinity
• INBOX : bit.ly/msg-infinity
• เช็คราคางานพิมพ์ : 097-465-9889 K.กวาง    
• ผู้จัดการโรงพิมพ์ : 095-165-9889 K.สุทธิดา
• ฝ่ายบัญชี บริษัท : 02-9982553

FAQ คำถามที่พบบ่อย

คราวนี้เราจะมาวิเคราะห์เจาะลึกกับพฤติกรรมธุรกิจออนไลน์และเทรนด์ในภูมิภาคอาเซียน ก่อนที่ผู้ประกอบการจะเริ่ม พิมพ์กล่อง และแพกเกจจิ้งส่งขายสินค้า เพราะอย่างที่เราเกริ่นกันไปเยอะก่อนหน้านี้ว่า ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุดในโลก การแข่งขันของแบรนด์สินค้าต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณด้วยเช่นกัน แต่ที่ไหนมีเม็ดเงินที่นั่นย่อมมีการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจอยู่แล้ว ที่สำคัญยิ่งเราสามารถเข้าใจเทรนด์ สภาพสังคม และเศรษฐกิจโดยรวมได้มากเท่าไหร่ โอกาสในการสร้างเม็ดเงินและผลกำไรก็มีมากขึ้นเท่านั้นด้วยเช่นกัน

ภาพรวมตลาดออนไลน์อาเซียนในช่วงปี 2021

โซเชียลมีเดีย (Social Media) ต้องบอกว่าโลกโซเชียลกำลังกลายเป็นช่องทางสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ทำความรู้จัก โดยจากการวิจัยพบว่าราวๆ  26% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมักจะพบเจอสินค้าและแบรนด์ใหม่ๆ ผ่านโฆษณาโซเชียล

แถมขาช้อปอีกราวๆ 22% มักจะพึ่งพาข้อมูลความคิดเห็นจากชาวเน็ตบนโซเชียลมีเดียอีกด้วย เช่น การรีวิวต่างๆ ดังนั้นหากคุณสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีเยี่ยมแล้ว อย่าลืมสร้างสรรค์แพกเกจจิ้งหรือหาบริษัทที่น่าเชื่อถือในการ พิมพ์กล่อง ให้ดูสวยงามและน่าสนใจด้วย

เพราะบางทีภาพกล่องสินค้าของคุณอาจจะไปโผล่อยู่บนโซเชียลแล้วกลายเป็นไวรัลอันโด่งดังแบบไม่รู้ตัวก็ได้

E–commerce Platform ต้องบอกว่าสำหรับขาช้อปชาวไทยนั้นมักจะคุ้นเคยดีกับแพลตฟอร์มที่ขยันส่งโปรน่าช้อปมาให้อย่าง Shopee และ Lazada ซึ่งอย่าง Shopee เองแม้จะเพิ่งก่อตั้งมาแค่ 6 ปี และเป็นที่สองรองจาก Lazada แต่ก็พัฒนาตีตื้นขึ้นมาได้ด้วยการเน้นในเรื่องคุณภาพของแอพพลิเคชั่นที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือได้ง่ายมาก ถือเป็นการช่วยดึงดูดลูกค้าออนไลน์และออฟไลน์ให้หันมาช้อปปิ้งผ่านมือถือกันมากยิ่งขึ้น ส่วน Lazada เองนั้นปัจจุบันต้องถือว่าครองอันดับ 1 ในอาเซียน โดย Lazada นั้นใช้กันในหลายประเทศเช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยมีผู้ค้าออนไลน์มากกว่า 155,000 ราย รวมถึงแบรนด์สินค้ากว่า 3,000 แบรนด์ที่ให้บริการแก่ลูกค้ามากถึง 560 ล้านคนในภูมิภาค หากคุณเริ่มขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ ควร พิมพ์กล่อง คุณภาพดีเพื่อสร้างความแตกต่าง และสร้าง Brand Awareness ให้แก่ธุรกิจของตนเอง

E–commerce – Social Platform พวกเรามักจะคุ้นกับ E–commerce หรือ Marketplace แพลตฟอร์มที่เป็นแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์อย่าง Lazada หรือ Shopee กันอยู่บ้าง แต่หากเอ่ยถึงแพลตฟอร์มใหม่ๆ จากสายโซเชียลหลายคนก็อาจจะยังงงๆ กันอยู่ว่ามีด้วยหรือ? แต่จากการพัฒนาฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่เกิดขึ้นกับโซเชียลชื่อดังอย่างเช่น Facebook ได้เปิดตัว Shop และมี Facebook Marketplace มาก่อนหน้านี้แล้ว จะทำให้ขาช้อปสะดวกและเข้าถึงการซื้อขายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ทั้งนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจจะต้องเรียนรู้และเข้าใจว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณควรเริ่มที่จะเรียนรู้เทรนด์ใหม่ๆ เหล่านี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การขายให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

Social Commerce และ Digital Payment ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่การซื้อขายบนโซเชียลมีเดียจะเป็นจริงและง่ายขึ้นสำหรับผู้บริโภค ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าขาช้อปชาวไทยนำร่องในเรื่องนี้มานานอยู่แล้ว โดยเฉพาะการซื้อสินค้าผ่านไลน์หรือระบบ Messenger ซึ่งขาช้อปชาวไทยก็มักจะนิยมใช้การโอนเงินผ่านแอพธนาคารหรือใช้บริการเก็บเงินแบบปลายทาง ถึงแม้ว่าในปัจจุบันทั้งไลน์หรือ Messenger เองจะมีบริการเก็บเงินในระบบของตัวเอง แต่ก็อาจจะยังไม่ฮิตเท่ากับการชำระเงินในรูปแบบเดิมๆ ส่วนประเทศในอาเซียนประเทศอื่นอย่างสิงคโปร์ ก็ได้พัฒนาการชำระเงินแบบ Cashless โดยมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ระบบนี้เป็นพิเศษอีกด้วย ส่วนในอินโดนีเซียนั้นราวๆ 55 % ของนักช้อปออนไลน์นั้นเริ่มหันมาใช้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลเช่น GoPay, Ovo และ Dana ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินของ Ant ทำให้การช้อปปิ้งเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

การคาดการณ์ทิศทางตลาดออนไลน์ในอนาคต

• Google และ Temasek คาดการณ์ว่าประเทศอาเซียนใน 6 อันดับแรก จะมีปริมาณการซื้อขายออนไลน์สูงถึงเกือบ 1 ใน 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2566 ซึ่ง 6 ประเทศนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
• จากการศึกษาวิจัยในปี 2019 ของ Facebook และ Bain & Company ซึ่งเป็นบริษัทคอนซัลท์ระดับโลก พบว่าผู้บริโภคในอาเซียนจะใช้จ่ายในการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น 3 เท่าในปี 2568
• จากการสำรวจพบว่าในปี 2561 ผู้บริโภคใช้จ่ายเงินในการช้อปปิ้งออนไลน์ราวๆ 125 ดอลลาร์ แต่คาดว่าตัวเลขในการช้อปปิ้งจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 390 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2568
• คาดการณ์กันไว้ว่าในปี 2568 จะมีประชาการเพิ่มขึ้นถึง 310 ล้านคน จากในปี 2561 ที่มีประชากรราวๆ 250 ล้านคน และเมื่อถึงเวลานั้นการเข้าถึงของอินเตอร์เน็ตก็จะมีมากขึ้น พร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมูลค่าตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

จากกระแสการเติบโตของตลาดออนไลน์ในอาเซียน ท่านผู้ประกอบการคงได้เห็นแล้วว่า ไม่ว่ากระแสกดดันจากปัจจัยภายนอกจะมีมากขนาดไหน แต่การดำเนินธุรกิจให้เติบโตย่อมเป็นไปได้ หากเรามองหาช่องทางใหม่ๆ มารองรับ

โรงงาน ผลิตกล่อง และแพกเกจจิ้ง Infinity Printing จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างธุรกิจ 

จากประสบการณ์อันยาวนานกว่า 20 ปี ของเราพร้อมกับทีมงานและเทคโนโลยีที่เรามีการพัฒนาอยู่เสมอ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่างานทุกชิ้นที่ส่งถึงมือลูกค้ามีคุณภาพสูงอย่างแน่นอน

Reference:

https://www.tmogroup.asia/must–know–southeast–asia–online–marketplaces/

https://wearesocial.com/sg/blog/2020/09/stats–roundup–e–commerce–in–asia–rides–high–on–the–pandemic–wave

https://theaseanpost.com/article/fast–changing–e–commerce–trends–pandemic

https://e27.co/3–top–trends–to–impact–e–commerce–startups–in–asean–in–2021–20210119/

เช็คราคาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย

ให้คำปรึกษาฟรี

"ที่สำคัญแอดมินใจดี ไม่เหวี่ยงแน่นอนคะ"

• สอบถามราคาซองฟอยล์ : bit.ly/infinitypacking
• INSTAGRAM : infinityprinting_official
• Fanpage : bit.ly/page-infinity
• INBOX : bit.ly/msg-infinity
• เช็คราคางานพิมพ์ : 097-465-9889 K.กวาง    
• ผู้จัดการโรงพิมพ์ : 095-165-9889 K.สุทธิดา
• ฝ่ายบัญชี บริษัท : 02-9982553

FAQ คำถามที่พบบ่อย

       หากคุณเป็นสายออฟไลน์ที่อยากย้ายไปทำออนไลน์แล้วละก็ อย่าลืมคำนึงถึงการมองหาโรงงานที่ รับผลิตกล่อง และแพกเกจจิ้งสร้างสรรค์ให้ตัวสินค้าและแบรนด์ดูดีมีมาตรฐานน่าเชื่อถือ

และถึงแม้ยุคนี้ต้นทุนจะเป็นตัวแปรสำคัญ แต่บอกได้เลยว่าหากใครยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายปรับจูน Mindset ในแง่การสร้างรากฐานผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งแล้วละก็ อาจจะพลาดโอกาสดีๆ ทางธุรกิจไปได้เลยทีเดียว

            ถึงแม้เศรษฐกิจจะดูเหมือนอยู่ในช่วงขาลง แต่โอกาสทางธุรกิจออนไลน์นั้นกลับสวนทาง เพราะจากตัวเลขทางสถิติได้แสดงถึงโอกาสในการเจริญเติบโต และการสร้างยอดขายแบบสวนกระแสเลยทีเดียว โดยคราวนี้เรามีข้อมูลในภาพรวมของสถิติตัวเลข E-commerce

ในโซนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) มาฝากไว้เป็นไอเดียในการขยายธุรกิจของทุกท่านกันค่ะ

            ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราถึงแม้จะมีขึ้นมีลงตามสถานภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจกันบ้าง แต่ตัวเลขธุรกิจออนไลน์ หรือ E-commerce ก็เจริญเติบโตกันแบบก้าวกระโดด

โดยมีผลการวิจัยจาก GlobalWebIndex เผยให้เห็นว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนในระบบออนไลน์หรือ E-commerceสูงที่สุดในโลก

โดยอินโดนีเซียมียอดซื้อขายช้อปปิ้งออนไลน์นำโด่งสูงที่สุด ส่วนไทย มาเลเซีย และเวียดนามต่างก็มีอัตราการซื้อขายออนไลน์ตามกันมาติดๆ แถมยังมีมูลค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศอื่นๆ ของโลกอีกต่างหาก ดังนั้นเราจึงขอหยิบยกประเทศเด่นๆ

เป็นไฮไลท์ที่นักธุรกิจชาวไทยสามารถสร้างโอกาสในการทำธุรกิจได้ไม่ยากอีกด้วย

             ไทยประเทศไทยของเรากำลังถูกจับตามองว่ากำลังเป็นประเทศที่มีโอกาสในการก้าวกระโดดทางภาคธุรกิจออนไลน์สูงสุดในภูมิภาคนี้ ถึงแม้จะเจอพิษโควิด-19 หรือว่าพิษการเมือง แต่ดูเหมือนว่ากระแสการช้อปปิ้งออนไลน์คงไม่จืดจางไปจากคนไทยได้ง่ายๆ

นอกจากนี้เรายังมีปัจจัยในหลายด้านที่เอื้ออำนวย ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้ง่ายขึ้นอีกเยอะ โดยในปี 2561 มูลค่าตลาดออนไลน์ในไทยสูงถึง 8.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 1.6 พันล้านเหรียญ หรือราว 25 % เมื่อเทียบกับปี 2560 ส่วนในปี 2562

ที่ผ่านมาตัวเลขโดยสรุปยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญพบว่าตลาดออนไลน์ในไทยน่าจะโตขึ้นอีกถึง 35% เลยทีเดียว ดังนั้นใครที่ทำธุรกิจในไทยไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ต่างก็ควรจะเริ่มให้ความสำคัญและลงทุนให้กับการสร้างแบรนด์

ผ่านการสื่อคุณค่าของแบรนด์ด้วยกล่องแพกเกจจิ้ง และอย่าลืมเลือกซัพพลายเออร์ รับผลิตกล่อง ที่มีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ เพื่อที่จะได้สร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ของคุณในท้องตลาด

ปัจจัยที่เอื้ออำนวย: ประเทศไทยของเรามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่เป็นจำนวนมากราวๆ 50 ล้านคน และผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็มักจะใช้มือถือเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว โดยพบว่า 85 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 64 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่มีกำลังซื้อ นอกจากนี้การใช้แพลตฟอร์ม Marketplace อย่าง Lazada และ Shopee ยังมีส่วนช่วยให้นักช้อปจับจ่ายใช้สอยทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

               อินโดนีเซีย หลายคนคงยังไม่ทราบว่าประเทศอินโดนีเซียนั้นมีอัตราการช้อปปิ้งออนไลน์หรือ E-commerce สูงสุดในโลก โดยจากสถิติพบว่า 90 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมักจะช้อปปิ้งออนไลน์เป็นหลัก

ซึ่งพอเห็นตัวเลขนี้หลายคนต้องอึ้งและทึ่งแน่ๆ เพราะเป็นอัตราส่วนที่เกือบจะเป็นทั้งหมดของประชากรอยู่แล้ว โดยจากการวิจัยพบว่าขาช้อปชาวอินโดนีเซียนั้นมียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงถึง 20.3 พันล้านดอลลาร์ และในปี 2561 เพิ่มขึ้น 3.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 20 % จากปี 2560 โดยชาวอินโดนีเซียมากกว่า100 ล้านคน มักจะสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านทางออนไลน์ ซึ่งพฤติกรรมการช้อปปิ้งแบบนี้เริ่มที่จะคล้ายคลึงกันในหลายๆ ประเทศอีกด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการชาวไทยไม่ควรรอช้า ควรเริ่มมองหาโรงงาน รับผลิตกล่อง ที่ได้มาตรฐาน เพราะการส่งออกสินค้าคุณภาพของบรรจุภัณฑ์นั้นจะช่วยส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ปัจจัยที่เอื้ออำนวย: ลองคิดดูว่านักช้อปจาก 9 ใน 10 คน ที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 64 ปี นิยมที่จะจับจ่ายใช้สอยช้อปปิ้งหรือซื้อสินค้าออนไลน์เป็นกิจวัตร ดังนั้นการจำหน่ายสินค้าออนไลน์เพิ่มโอกาสให้กับเจ้าของธุรกิจได้อย่างแน่นอน แถมยังพบอีกด้วยว่าที่อินโดนีเซียนั้นมีแพลตฟอร์มคล้ายกับตลาดขายของชำออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุด 5 แห่ง ในโลก ดังนั้นบอกได้เลยว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการณ์อีกแห่งหนึ่งในการขยับขยาย หรือต่อยอดทางธุรกิจ

                  มาเลเซีย ถือว่าเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เมืองไทยของเราพอสมควร หากมีไอเดียในการค้าขายทำธุรกิจออนไลน์ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยในปัจจุบันตัวเลขของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 26 ล้านคน และราวๆ 80 % ก็เป็นนักช้อปออนไลน์ ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 16 ถึง 64 ปี หากเทียบกับประเทศที่มีจำนวนประชากรขนาดเท่าๆ กันก็ถือว่านักช้อปชาวมาเลเซียใช้จ่ายในการซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่าเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกหลายประเทศ ทำให้มองเห็นโอกาสในการขายสินค้าในประเทศนี้เช่นเดียวกัน

ปัจจัยที่เอื้ออำนวย: ถึงมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ราวๆ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะเล็กกว่าไทยหรืออินโดนีเซีย แต่อย่าลืมว่าประเทศมาเลเซียถือเป็นประเทศพัฒนา และมีรายได้ต่อครัวเรือนสูงกว่าอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ดังนั้นขาช้อปจากมาเลเซียนั้นมีกำลังซื้อมหาศาลอย่างแน่นอน

               คิดจะสร้างแบรนด์และสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งพร้อมแข่งกับกระแสออนไลน์ การมองหาโรงงาน รับผลิตกล่อง และแพกเกจจิ้งก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

ดังนั้น Infinity Printing ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ มีบริการแบบ One Stop Service พร้อมดูแลคุณด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานมากกว่า 20 ปี เรามุ่งเน้นในการสร้างคุณค่าโดยการันตีในทุกผลงานที่ผลิตออกไป

Reference:

https://datareportal.com/reports/digital–2019–ecommerce–in–vietnam

https://datareportal.com/reports/digital–2019–ecommerce–in–thailand

https://datareportal.com/reports/digital–2019–ecommerce–in–indonesia

https://datareportal.com/reports/digital–2019–ecommerce–in–malaysia

เช็คราคาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย

ให้คำปรึกษาฟรี

"ที่สำคัญแอดมินใจดี ไม่เหวี่ยงแน่นอนคะ"

• สอบถามราคาซองฟอยล์ : bit.ly/infinitypacking
• INSTAGRAM : infinityprinting_official
• Fanpage : bit.ly/page-infinity
• INBOX : bit.ly/msg-infinity
• เช็คราคางานพิมพ์ : 097-465-9889 K.กวาง    
• ผู้จัดการโรงพิมพ์ : 095-165-9889 K.สุทธิดา
• ฝ่ายบัญชี บริษัท : 02-9982553

FAQ คำถามที่พบบ่อย

        จะ พิมพ์กล่อง หรือเลือกโรงงานทำกล่องอย่างไรให้ขายดี จะมีผลต่อการสร้างแบรนด์ด้วยเหรอ? ถ้าผู้ประกอบการท่านใดยังไม่มั่นใจ แนะนำให้เตรียมหาข้อมูลและศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนี้เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างมาก

เพราะต้องอย่าลืมว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ทุกคนสามารถสร้างแบรนด์เองได้ ดังนั้นการเลือกแพกเกจจิ้ง หรือการพิมพ์กล่องจากโรงงาน ผลิตกล่อง ที่มีประสิทธิภาพ ก็ถือว่าเป็นการทำการตลาดและเพิ่มโอกาสในการปั้นแบรนด์ของตัวเองเป็นอย่างดีทีเดียว

ผลิตกล่อง บรรจุภัณฑ์สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้า

        เมื่อกล่องใส่ของต่างๆ ที่เราเห็น ไม่ได้มีดีแค่ความเป็นบรรจุภัณฑ์ แต่การเลือกใช้กล่องที่เหมาะกับสินค้าและแบรนด์ รวมถึงการ พิมพ์กล่อง และออกแบบดีไซน์นั้นก็สามารถเสริมพลังแบรนด์ได้มากมาย ซึ่งลองพิจารณาจากตัวเลขสถิติผู้บริโภคออนไลน์ของไทยที่สูงไม่แพ้ชาติใดในโลกมาประกอบกับการเลือกกล่องบรรจุภัณฑ์ตามข้อมูลสถิติทางด้านล่าง

• ประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ของโลก ที่มีการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านมือถือมากที่สุดราวๆ 71% ซึ่งเราเป็นรองอยู่แค่ประเทศอินโดนีเซียที่มีการช้อปออนไลน์สูงถึง 79%
• ประเทศไทยติดอันดับที่ 9 ของโลก ที่มีอัตราส่วนในการช้อปปิ้งออนไลน์เมื่อเทียบกับการซื้อขายโดยรวม โดยมีจำนวนนักช้อปชาวไทยมากถึง 37.5 ล้านคน ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดทุกปี
• ขาช้อปชาวไทยช้อปปิ้งเฉลี่ย 1,096 บาท ต่อครั้ง (Average basket size) แถมมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะสูงขึ้นตลอดเวลา

เปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง

        การไม่มีหน้าร้านอาจจะเป็นจุดอ่อนของการขายของออนไลน์ เพราะลูกค้าสามารถเข้าถึงเราได้ยากกว่าปกติ อาจจะถือว่าเป็นข้อด้อยทางกายภาพ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มักจะนึกถึงประสบการณ์ตรงในการสัมผัสและจับต้องสินค้าเป็นหลัก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับแพกเกจจิ้ง การออกแบบดีไซน์ และการ พิมพ์กล่อง

กล่องแพคเกจ แบบไหนที่เหมาะกับลูกค้าออนไลน์

        จากการสำรวจล่าสุดจาก Dotcom Distribution รายงานว่า 40% ของผู้บริโภคที่ช้อปปิ้งทางออนไลน์นั้น มักจะเลือกซื้อสินค้าซ้ำจากผู้ขายออนไลน์ที่มีแพกเกจหรือบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียม การสำรวจตัวเดียวกันนี้ยังพบว่าการผลิตกล่องแบบพรีเมี่ยมทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจเพราะรู้สึกได้ถึงความหรูหรา และลูกค้ามักจะตื่นเต้นทุกครั้งในช่วงที่รอการจัดส่งสินค้า

        ต้องบอกว่ามีหลากหลายแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์ในการเลือกแพกเกจจิ้งและการพิมพ์กล่องคุณภาพสูง ผ่านโรงงานพิมพ์กล่องที่ผลิตกล่องออกมาอย่างประณีต จนกลายเป็นส่วนเสริมของแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าติดหนึบ โดยมีเคสตัวอย่างที่น่าสนใจให้คนที่กำลังทำธุรกิจลองศึกษาดูดังนี้

        Apple ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Apple ถูกนิยามว่าเป็นแบรนด์ยอดนิยมในยุคนี้ ด้วยการที่รูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ถูกวางไว้ในระดับกลางไปถึงสูง มาพร้อมกับราคาสินค้าที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ตัวสินค้าเองนั้นมีจุดเด่นจากการใช้รูปแบบการดีไซน์ สี และความมันวาว ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณภาพที่ดีและพรีเมี่ยมกว่าสินค้าตามท้องตลาดทั่วไป โดยภาพลักษณ์ทั้งหมดนี้ถูกนำมาผสมในรูปแบบของการพิมพ์กล่องวัสดุที่เลือกใช้ ไปจนถึงการออกแบบโลโก้ที่ดูเรียบง่ายและดูดี แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกธุรกิจที่มีงบประมาณเท่า Apple แต่คุณก็สามารถใช้วิธีต่างๆ ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าผ่านการเลือกสรรบรรจุภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพ

        Sephora ร้านเครื่องสำอางค์ค้าปลีกที่ผันตัวเองมาเอาดีทางด้านออนไลน์ ซึ่งต้องบอกว่าแบรนด์ Sephora นั้นเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เครื่องสำอางค์ชั้นนำระดับโลก ที่ช่วงกระแสโควิด-19 นี้ก็ได้รับผลกระทบจากการขายปลีกหน้าร้านพอสมควร แต่ร้านค้าปลีกอย่าง Sephora ก็พลิกเกมด้วยวิธีการส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีทั้งการทำโปรโมชั่น ชุดของขวัญ รวมไปถึงการพิมพ์กล่องแพกเกจจิ้งที่สวยงามให้เข้ากับธีมวันสำคัญต่างๆ ตามฤดูกาล เช่น ปีใหม่ คริสต์มาส หรือวาเลนไทน์ โดยทำให้ลูกค้าหลายคนต้องถ่ายรูปกล่องแพกเกจของ Sephora ลงโซเชียลกันอย่างมากมาย โดยทั้งหมดนี้ได้สร้างคุณค่าให้แก่แบรนด์และทำให้ลูกค้าประทับใจมิรู้ลืมเลยทีเดียว

        กล่องรองเท้าแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น NIKE, Adidas รวมไปถึงแบรนด์ไทยๆ อย่าง Adda ก็ได้ผลิตและพิมพ์กล่องที่พร้อมส่งตรงสู่ลูกค้า โดยเลือกใช้สีสันและดีไซน์ตามสไตล์ของตนเอง แถมยังนำมาใช้งานซ้ำได้จริงอีกด้วย

ผลปรากฎว่าลูกค้าหลายคนมักจะเก็บกล่องรองเท้าที่ดูดีและมีคุณภาพสูงเอาไว้เพื่อนำไปใช้งานต่ออีก แค่นี้ก็ทำให้แบรนด์รองเท้าเหล่านี้สามารถแฝงคุณค่า และตอกย้ำในเรื่องของคุณภาพโดยเจ้าของธุรกิจแทบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาแต่อย่างใด

ในทางกลับกันเวลาลูกค้าซื้อรองเท้าที่ส่งมาพร้อมกับกล่องที่เปื่อยง่าย ดีไซน์ โลโก้ รวมถึงการพิมพ์กล่องที่มีคุณภาพต่ำ กล่องสินค้าเหล่านี้ก็มักจะถูกกำจัดหรือทิ้งไปในทันที ดังนั้นไหนๆ

การทำธุรกิจก็ต้องมีต้นทุนด้านการ พิมพ์กล่อง อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เลือกแพกเกจจิ้งและการพิมพ์กล่องที่มีคุณภาพ ที่มีส่วนช่วยให้แบรนด์ของเราสามารถนั่งอยู่ในใจลูกค้าได้ยาวนานมากกว่าคู่แข่ง

        ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการพิมพ์กล่องและการเลือกใช้โรงพิมพ์กล่องที่มีคุณภาพ ก็สามารถช่วยให้การสร้างแบรนด์ดิ้งและการทำการตลาดบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ซึ่งทาง Infinity Printing เล็งเห็นความสำคัญสำหรับผู้ประกอบการทุกท่าน ทำให้เราได้คัดสรรทีมงาน พัฒนาระบบการออกแบบและผลิต จนกลายผู้เชี่ยวชาญด้านการพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท พร้อมด้วยการบริการและระบบการผลิตแบบครบวงจรในการ ผลิตกล่อง ให้สวยงาม และให้ได้มาตราฐานตามสเป็คงานของลูกค้าอย่างแท้จริง

Reference:

https://www.shopify.com/blog/ecommerce–packaging

https://heroleads.asia/th/blog/e–commerce–marketing–2021/

https://www.mordorintelligence.com/industry–reports/e–commerce–packaging–market

เช็คราคาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย

ให้คำปรึกษาฟรี

"ที่สำคัญแอดมินใจดี ไม่เหวี่ยงแน่นอนคะ"

• สอบถามราคาซองฟอยล์ : bit.ly/infinitypacking
• INSTAGRAM : infinityprinting_official
• Fanpage : bit.ly/page-infinity
• INBOX : bit.ly/msg-infinity
• เช็คราคางานพิมพ์ : 097-465-9889 K.กวาง    
• ผู้จัดการโรงพิมพ์ : 095-165-9889 K.สุทธิดา
• ฝ่ายบัญชี บริษัท : 02-9982553

FAQ คำถามที่พบบ่อย